👀 Seeing ส่อง >> เพื่อดูสี ความหนืด และบอดี้ของไวน์
เทไวน์ลงในแก้ว แล้วยกขึ้นมาดูที่ระดับสายตา (เพื่อความแม่นยำลองส่องกับกำแพงหรือพื้นหลังสีขาวดูได้นะ)หลักๆ ที่เราต้องสังเกตในขั้นตอนการส่องนี้ก็คือ ดูว่าไวน์มีสีอะไร มีความขุ่นมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้เราได้ทราบถึงบอดี้ของไวน์คร่าวๆ ก่อนที่จะถึงขั้นตอนต่อไป นั่นก็คือการ Swirling หรือส่ายแก้วเบาๆ นั่นเอง
🍷 Swirling ส่าย >> เพื่อดูขาไวน์ และเพิ่มออกซิเจนให้กับไวน์
จับก้านไวน์ขึ้นมาแล้วส่ายไวน์ไปรอบแก้ว ช้าๆ เบาๆ ในขั้นตอนนี้จะทำให้ไวน์ส่งกลิ่นออกมา ทำให้เราสามารถแยกแยะ Aroma ของไวน์ชนิดนั้นๆ ได้นอกจากนี้ อย่าลืมสังเกตหยดไวน์ที่ไหลลงมารอบๆ แก้ว ที่เกิดขึ้นหลังจากการส่ายไวน์ หรือที่เรียกว่า ‘ขาไวน์’ ที่จะช่วยให้เราได้รับรู้ถึงปริมาณแอลกอฮอล์และรสชาติของไวน์ได้ในเบื้องต้น
👃 Smelling สูด >> เพื่อรับรู้กลิ่นของไวน์ และความเข้มข้นของไวน์
ยกแก้วขึ้นมาจรดที่ปลายจมูก ก่อนหลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้าไปลึกๆปล่อยให้สมองได้ประมวลผลว่าได้กลิ่นอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเทศ กลิ่น Citrus หรือผลไม้ต่างๆกลิ่นเหล่านี้เป็นตัวบ่งบอกที่มาของไวน์ได้เป็นอย่างดี และแน่นอนว่ายิ่งไวน์ที่กลิ่นแรง ยิ่งมีแนวโน้มที่จะมีความเข้มข้นสูง
👄 Sipping สัมผัส >> ดื่มเพื่อรับรู้รสชาติของไวน์
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการสัมผัสเพื่อให้เราได้รับรู้รสชาตินั่นเองแต่ไม่ใช่การรีบดื่มเข้าไปอย่างจริงจังนะ ขั้นตอนนี้เราขอให้คุณ ‘จิบ’ ไวน์เข้าไปหนึ่งอึกและค่อยๆ พิจารณารสชาติของไวน์ในปากอย่างช้าๆ ว่าไวน์นั้นมีรสชาติอย่างไร มีความเข้มข้นและบอดี้เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้หรือเปล่ามีรสชาติเหมือนกับกลิ่นที่คุณเคยได้สูดเข้าไปหรือไม่และลองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆ ดูว่าแต่ละคนสัมผัสรสชาติของไวน์ได้อย่างไรบ้าง
แน่นอนว่าขั้นตอนนี้ไม่มีถูกผิด อย่ากลัวที่จะแสดงความคิดเห็นออกไป และหากว่าคุณถูกใจไวน์ชนิดนี้แล้วขั้นตอนต่อไปก็เหลือแค่การเอนหลังผ่อนคลาย แล้วจิบไวน์ต่อไปตามที่คุณต้องการ แต่ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าชื่นชอบไวน์ประเภทไหนเราขอแนะนำนี่เลย : Red Wine | White Wine | Rosé Wine | Sparkling Wine